ย้อนอดีตไปสมัยปี 33-34 "หมอผีสตูล" เป็นฉายาที่ผู้สื่อข่าวฟุตบอลยุคนั้นขนานให้ ด้วยนักเตะสตูลมักเล่นไสยศาสตร์ก่อนลงสนาม กระทั่งคว้าแชมป์ยามาฮ่าไทยแลนด์คัพสองสมัยซ้อน จากรอบชิงชนะเลิศเอาชนะยักษ์ใหญ่อย่างชลบุรีที่เต็มไปด้วยนักเตะทีมชาติด้วยผล 3-1 ขณะสตูลเป็นทีมภูธรที่ร่วมฟาดแข้งแบบไม่มีใครรู้จัก ถึงขนาดไม่ทราบว่าสตูลอยู่ภาคไหนของประเทศ ที่สำคัญบรรดากองเชียร์ยุคนั้นสวม "ฮิยาบ"ผ้าคลุมศีรษะที่สตรีมุสลิมใช้ปกปิดเรือนผมพร้อมหน้ากากผีเข้าเชียร์ทุกนัด ด้วยเหตุนี้หนังสือสยามกีฬารายวันได้พาดหัวพร้อมรูปบนหน้า1และขนานนามให้ว่า "หมอผีสตูล" จากนั้นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่รายงานข่าวฟุตบอลยามาฮ่าไทยแลนด์คัพก็เรียกทีมสตูลว่า "หมอผีสตูล" ทั่วกันถึงทุกวันนี้ ยุคนั้นไม่มีทีมไหนเลยที่กองเชียร์คลั่งไคล้เกมฟุตบอลถึงขนาดจัดรถบัสนับ10คันขึ้นไปเชียร์ทีมรักเช่นชาวสตูล หนังสือพิมพ์ทุกหัวต่างตีข่าวด้วยความตกตะลึง เนื่องจากไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ขณะที่การลงสนามวอร์มกล้ามเนื้อของนักเตะสตูลก่อนการแข่งขันนักเตะจะไม่เดินลงสนามบริเวณเส้นกลาง แต่จะลงจากหลังประตูหรือมุมธงฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แม้ในยุคฟุตบอลลีกก็มีให้เห็นทุกนัดที่สตูลเตะในบ้าน กระทั่งแฟนบอลทีมเยือนส่วนใหญ่มักเอ่ยปากว่าโดน "ของ" หมอผีสตูลเล่นเข้าให้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของทีมฟุตบอลจังหวัดสตูลในยุครุ่งเรืองจนถึงปัจจุบันนั้นได้รับการยืนยันจากผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอลสตูลหลายท่านว่า "ไม่ใช่เพราะใสยศาสตร์หรือการเล่นของแต่อย่างใด" หากแต่เป็นความสามารถของบรรดานักเตะและการเตรียมทีมเป็นอย่างดี และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านั้นคือ อาจารย์ อนันต์ สุริยกานนท์ คุณ ดาเหลน เจ็ะเล็ม อาจารย์ อนิรุทธ์ กอมะ และเหล่าทีมงานและผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายท่าน ปัจจุบันกองเชียร์ทีมฟุตบอลสตูลกำลังรอการกลับมาของความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลไทยในบริบทและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น